หลวงพ่อวัดปากน้ำ
ประวัติเกจิอาจารย์ admin  

หลวงพ่อวัดปากน้ำ

หลวงพ่อวัดปากน้ำ

หลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ กทม. หรือพระมงคลเทพมุนี (สด จนทสโร) เดิมท่านชื่อ สด มีแก้วน้อย เกิดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2427 ในสมัย ร.5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ที่บ้านสองพี่น้อง ต.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ก่อนอุปสมบทท่านได้เรียนหนังสือกับพระซึ่งเป็นน้าชาย ที่วัดสองพี่น้อง แต่มาต่อที่วัดบางปลา อ.บางเลน จ.นครปฐม เมื่ออายุได้ 14 ปี โยมพ่อของท่านได้ถึงแก่กรรม ท่านจึงได้ทำการค้าต่อมาจนถึงอายุ 22 ปี และได้ทำการอุปสมบทเมื่อ ปีพ.ศ. 2449 ที่วัดสองพี่น้อง โดยมีพระอาจารย์ดี วัดประตูศาล เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อเหนี่ยง อินทโชโต เป็นพรกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์โหน่ง อินทสุวรรโณ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “จนทสโร” จำพรรษาที่วัดสองพี่น้อง 1 พรรษาเพื่อเรียนกรรมฐานกับหลวงพ่อโหน่ง และหลวงพ่อเนียม ต่อมาได้มาจำพรรษาที่วัด พระเชตุพน ฯ กทม. เพื่อเรียนพระปริยัติธรรม กับพระพุฒาจารย์เข้ม และสมเด็จพระวันรัต เผื่อน

หลวงพ่อวัดปากน้ำ

ท่านได้เรียนทางธรรมมาหลายสำนัก นับเป็นเวลา 10 กว่าปี ตั้งแต่ที่ท่านอุปสมบทในปี 2449 เป็นต้นมาจนถึงปี 2459 ต่อมาสมเด็จพระวันรัต เผื่อน ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพน ฯ ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอภาษีเจริญ ธนบุรี ท่านต้องการให้หลวงพ่อสดมาอยู่วัดที่เป็นหลักเป็นฐาน และได้เอาตำแหน่งเจ้าอาวาสให้กับหลวงพ่อที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ ซึ่งเป็นวัดอารามหลวงแห่งหนึ่ง เพื่อไม่ให้ท่านต้องเร่ร่อนโดยไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งต่อไป

ปี พ.ศ. 2459 หลวงพ่อสดได้รับคำสั่งจากวัดพระเชตุพน ฯ ให้ไปรักษาการเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ และต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสในปี พ.ศ. 2463 เมื่อท่านมาปกครองวัดปากน้ำ ฯ วัดมีสภาพกึ่งเป็นวัดร้าง ท่านจึงเริ่มบูรณะให้วัดเจริญขึ้น โดยได้กวดขันให้พระภิกษุสามเณรปฏิบัติธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ด้วยการสอนวิปัสสนากัมมัฏฐาน และส่งเสริมพระปริยัติธรรมให้ประชาชนทั่วไป และได้ตั้งสำนักเรียนทั้งนักธรรมและบาลี จนวัดปากน้ำ ฯ เจริญขึ้นเป็นลำดับ และกลายเป็นศูนย์กลางปฏิลัติธรรมการการศึกษาบาลีในที่สุด

หลวงพ่อสดใช้คำว่า “ธรรมกาย” ให้เป็นสัญลักษณ์ของสำนักกัมมัฏฐานที่วัดปากน้ำ ฯ และมีลูกศิษย์รับไปเผยแพร่ทั่วทุกทิศ

หลวงพ่อสดได้อาพาธและมรณภาพ ด้วยโรคความดันโรหิตสูง ตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2498 มีอากรขึ้น ๆ ลง ๆ ทรงกับทรุด และอยู่ในการรักษาของโรงพยาบาลทหารเรือ ต่อมาท่านได้รับสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่ “พระมงคลเทพมุนี” เมื่อปี พ.ศ. 2500 แต่อาการของโรคไม่ลดลงได้แต่เพิ่มมากขึ้น แต่ท่านยังมีกำลังใจที่ดีและเข้มเข็ง ไม่แสดงอาการให้ใครได้รับรู้ มีการต้อนรับแขกด้วยการยิ้มแย้มเหมือนเดิม

ท่านอาพาธได้ประมาณ 2 ปี จึงถึงแก่มรณภาพด้วยอาการอันสงบ ณ ตึกมงคลจันสร เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2502 เมื่อเวลา 15.05 น. สิริรวมอายุได้ 75 ปี พรรษาที่ 53

 

 

 

หลวงพ่อวัดปากน้ำ