หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ
หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ
หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ (16 ม.ค. 2430-2 ก.ค. 2528) ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ ท่านเกิดในตระกูลช่างตีเหล็ก เมื่อ 16 ม.ค. 2430 ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น 3 ค่ำเดือนยี่ ปีกุน ณ บ้านนาโป่ง ต.หนองใน (ปัจจุบันเป็นต.นาโป่ง) อ.เมือง จ.เลย เป็นบุตรนายใส และนางแก้ว รามศิริ มีน้องสาว 1 คน คือนางเป็ง ราชอักษร ท่านมีชื่อสมัยเด็กว่า ญาณ ซึ่งแปลว่าปรีชา และการกำหนดรู้ เมื่อท่านอายุได้ประมาณ 5 ขวบ โยมมารดาท่านก็ป่วยหนัก แม้จะได้รับการรักษาอย่างดีแล้วแต่อาการก็ไม่ดีขึ้น ได้แต่ทรงกับทรุด ในที่สุดท่านรู้ตัวว่าจะไม่รอด จึงได้เรียกลูกชายเข้าไปหาและกล่าวว่าขอฝากความหวังไว้ว่าให้ลูกได้บวชให้แม่ เพื่อบวชแล้วให้ตายไปกับผ้าเหลืองไม่ต้องสึกออกมามีลูกมีเมียนำ หลวงปู่แหวนก็พยักหน้ารับคำ เท่านั้นดวงวิญญาณของผู้เป็นแม่ก็ออกจากร่างไป ต่อมาไม่นานในคืนหนึ่งเวลาดึกสงัด ขณะที่คุณยายชองหลวงปู่แหวน กำลังหลับสนิท ก็เกิดฝันประหลาด ซึ่งเป็นมงคลแก่ชีวิตของหลวงปู่แหวนเป็นอย่างยิ่ง และได้นำความมาเล่าให้ฟัง ในวันรุ่งขึ้น ว่าหลวงปู่แหวนไปนอนอยู่ในดงขมิ้น จนเนื้อตัวเหลืองไปหมด ยายเห็นแล้วหลวงปู่แหวนมีนิสัยและวาสนาในทางบวชเรียน ยายจึงขอให้ได้บวชจนตลอดชีวิต ซึ่งให้ตายไปพร้อมกับผ้าเหลือง จะทำได้ไหม
จากนั้นประมาณปี พ.ศ. 2439 ท่านอายุได้ 9 ขวบ คุณยายได้เรียกท่านพร้อมกับหลานชายอีกคนหนึ่ง ที่เป็นญาติสนิทรุ่นเดียวกับหลวงปู่แหวน มาแล้วพูดว่าให้เจ้าทั้งสองบวชเป็นสามเณร เมื่อบวชแล้วก็ไม่ต้องสึก เจ้าจะทำได้ไหม แล้วก็หันมามองทางหลวงปู่แหวนอย่างเอาจริง หลวงปู่แหวนก็พยักหน้ารับคำ พอใกล้เข้าพรรษาท่านก็ได้บวชสมใจ และได้เป็นสามเณร ที่วัดโพธิ์ชัย โดยได้เปลี่ยนชื่อเป็น เด็กชายญาณ หรือสามเณรแหวนตั้งแต่นั้นมา
ตลอดเวลาที่ได้บรรพชา สามเณรแหวน ได้แต่ทำวัตร สวดมนต์ตามวาระและโอกาส เท่าที่พระภิกษุจะทำได้ โดยได้ร่วมกันทำสังฆกรรม นอกจากนั้นก็ใช้เวลาว่างเล่นซุกซนไปตามเรื่อง ตามประสาเด็ก ในที่สุดพระอาจารย์อ้วน ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของท่านมองว่าหากปล่อยไว้ อาจทำให้สามเณรน้อยขาดความรู้ จึงพาไปฝากฝังถวายตัวเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์สิงห์ ขนตยาคโม (น่าจะเป็นอาจารย์เสาร์ กนตสีโลมากกว่า ซึ่งมีอายุอ่อนกว่าหลวงปู่แหวน 2 ปี) ณ วัดบ้านสร้างถ่อ อ.กษมสีมา จ.อุทัยธานี และเกิดอัศจรรย์ขณะที่อาจารย์อ้วนกำลังพาสามเณรน้อย เดินฝ่าเปลวแดดอันร้อนระอุเพื่อมุ่งหน้าไปให้ถึงวัดในบ่ายวันหนี่งนั้น พระอาจารย์สิงห์ขนัง ศิษย์สำคัญของพระอาจารย์ใหญ่ซึ่งก็คือพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ก็มองมาที่ร่างสามเณรน้อย ก็ให้เกิดฤทธิ์อำนาจ แห่งอภิญญาณให้ท่านได้เห็นรัศมีเป็นแสงสว่าง เปล่งประกายออกจากร่างสามเณรน้อยผู้นั้น ซึ่งท่านเชื่อว่าเป็นผู้ที่มีบุญญาธิการมาเกิด ดังนั้นพระอาจารย์สิงห์จึงได้ถ่ายทอดความรู้ตลอดจนข้อวัตรปฏิบัติทั้งหมดให้เป็นอย่างดี
ในปี พ.ศ. 2464 หลวงปู่แหวนได้เดินทางเข้ากรุงเทพ ฯ เพื่อศึกษาธรรมกับพระอุบาลีคุณปมาจารย์ (จันทร์ สิรินนโท) ต่อมาในปี พ.ศ. 2478 ท่านได้เข้าพบท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ ที่วัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่ ท่านได้เปลี่ยนจากมหานิกายมาเป็นธรรมยุติ ได้รับฉายาว่า “สุจิณโณ” แล้วได้ออกจาริกแสวงบุญต่อ ขณะเดียวกับที่ได้ศึกษาธรรมกับพระอาจารย์มั่น ฯ ที่ดงมะไฟ บ้านค้อ จ.อุบลราชธานี มีศิษย์ท่านอาจารย์มั่นที่มีอัธยาสัยตางกัน 2 องค์รวมด้วย คือ พระขาว อนาลโย และพระตื้อ อจลธีมโมร่วมอยู่ด้วย หลวงปู่แหวนจำพรรษาที่วัดบ้านปง อ.แม่แตง ท่านเกิดอาพาธเป็นแผลที่ขา ต้องได้รับการผ่าตัด โดยมีพระหนู สุติตโต ซึ่งเดินทางมาจากวัดดอยแม่ปั๋งมาคอยดูแลอยู่ถึง 7 วัน ก็ต้องกลับไปวัดดอนแม่ปั๋ง เนื่องจากอยู่ในระหว่างพรรษา จนประทั่งปีต่อมา อาการของท่านดีขึ้นแต่ก็ยังไม่หายสนิทเดินไปไหนไกล ๆ ไม่ได้ ก็ได้พระหนูมาอยู่ใกล้ ๆ เพื่อดูแลตลอดมา และพระหนูได้ดำริขึ้นว่า ท่านหลวงปู่มีอายุมากแล้ว ไม่มีใครอยู่ด้วยเพื่อเป็นอุปัฏฐาก ให้นิมนต์มาอยู่ที่วัดดอยแม่ปั๋งก็จะได้ถวายการดูแลได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องไป ๆ มา ๆ อยู่อย่างนี้ แต่นั่นก็เป็นเพียงความคิดของพระหนูเท่านั้น เนื่องจากขณะนั้นวัดดอยแม่ปี๋งไม่มีอะไรที่พร้อม แม้แต่กุฏิก็ไม่มี
พ.ศ. 2505 หลวงปู่แหวนอายุได้ 75 ปี หลวงปู่พูดกับพระหนูว่า จะมาอยู่ด้วย หลังจากนั้นอีก 3 วัน หลวงปู่แหวนก็มาที่วัดดอยแม่ปั๋ง และท่านก็ได้อยู่ที่วัดนี้จนกระทั่งมรณภาพเมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2528 สิริอายุได้ 98 ปี