ประวัติหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่
ประวัติหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่
หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ท่านเกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2466 ตรงกับวันแรม 10 ค่ำ เดือน 10 ปีกุน ที่ หมู่ บ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา มีอาชีพทำไร่ไถนา บิดาชื่อ นายบุญ มารดาชื่อนาง ทองขาว นามสกุล ฉัตรพลกรัง มีพี่น้องท้องเดียวกัน 3 คนคือ หลวงพ่อคูณ นางคำมั่น แจ้งแสงใส นางทองหล่อ เพ็ญจันทร์
มารดาเล่าให้เพื่อนฟังว่า ก่อนตั้งครรภ์ กลางดึกของคืนวันหนึ่งประมาณตี 3 นางได้ฝันเห็นเทพองค์หนึ่ง ที่มีร่างกายเรืองแสงแลดูงดงามมาก ลอยลงมาจากสวรรค์ และมาที่บ้านของตน ได้พูดกับตนว่า เจ้าและสามีเป็นผู้มีศีล มีธรรม มีความเมตตรต่อสรระสัตว์ทั้งหลาย ประกอบการงานอาชีพด้วยดีตลอดมา ทั้งยังมีคุณงามความดี มาโดยตลอดหลายชาติ หลายภพ เราขออำนวยพรให้เจ้า และครอบครัวมีแต่ความสุขสวัสดีตลอดไป และเทพองค์นั้นก็ได้มอบดวงแก้วที่ใสสะอาดได้แก่นางด้วย ดวงมณีนี้เจ้าจงรับไปและรักษาให้ดีต่อไปภายหน้า จะได้เป็นพระพุทธสาวกหน่อเนื่อพระชินวร เพื่อการสืบพระศาสนาต่อไป
การศึกษา ของหลวงพ่อคูณ พ่อแม่หลวงพ่อคูณได้เสียชีวิตไปขณะที่ลูกทั้ง 3 ยังเป็นเด็ก ทำให้หลวงพ่อคูณและน้อง ๆ อย่ในความอุปการะของน้าสาว ตอนที่อยู่ในวัยเยาว์ประมาณ 6-7 ขวบ ท่านได้เข้าเรียนหนังสือกับพระอาจารย์เชื่อม วิรโธ พระเอาจารย์ฉาย และพระอาจารย์หลี ทั้งภาษาไทย และภาษาขอม ที่วัดบ้านไร่ ซึ่งเป็นสถานศึกษาแห่งเดียวในหมู่บ้าน นอกจากเรียนภาษาไทยและขอมแล้ว พระอาจารย์ทั้ง 3 ยังเมตตาให้การอบรมสั่งสอนวิชาอาคม เพื่อให้ป้องกันตัว ป้องกันอันตรายต่าง ๆ อีกด้วย จึงนับได้ว่าหลวงพ่อคูณรู้วิชาไสยศาสตร์มาตั้งแต่วัยเยาว์ทีเดียว
หลวงพ่อคูณได้รับการอุปสมบทเมื่ออายุได้ 21 ปี ณ พัทธสีมาวัดถนนหักใหญ่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นคาราชสีมา เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2487 ซึ่งตรงกับวันศุกณ์ เดือน 6 ปีวอก โดยมีพระครูวิจารย์ดีกิจ อดีตเจ้าคณะอำเภอด่านขุนทด เป็นพระอุปัชฌาย์ พระกรรมวาจาจารย์คือ พระอาจารย์สุข วัดโคกรักษ์ ได้รับฉายาว่า “ปริสุทโธ” ต่อมาท่านได้ฝากตัวเป็นศอษย์หลวงพ่อแดง แห่งวัดบ้านหนองโพธิ์ ต.สำนักตะคร้อ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา และหลวงพ่อคงเจ้าอาวาสวัดถนนหักใหญ่ หลวงพ่อแดงเป็นพระนักปฏิบัติทางด้านคันถธุระ และวิปัสสนาธุระ ทั้งยังเป็นพระเกจิที่เรืองวิทยาคมอย่างยิ่ง เป็นที่เลื่อมใสแต่ชาวบ้านทั่วไป
บุคลทั่วไปหากมิได้สัมผัสตัวตนที่แท้จริงของหลวงพ่อคูณ มักจะเข้าใจว่าท่านเป็นพระที่เก่งกล้าทางด้านอาคม แต่เพื่อได้ทราบด้วยการสนทนาธรรม จะทราบว่าท่านคือ ปราชญ์แห่งที่ราบสูง เพราะหลวงพ่อได้สนทนาธรรมกับหลาย ๆ คนต่างกรรมต่างวาระแสดงให้เห็นความเป็นปราชญ์ที่ซ่อนอยู่ ภายใต้ท่าทางที่ตรงไปตรงมาด้วยการพูดมึงกู
ท่านั่งยองของหลวงพ่อคูณ ท่านให้เหตุผลว่าเป็นท่านั่งที่สบายที่สุด อีกทั้งเป็นลักษณะของความเตรียมพร้อมที่จะลุกเดินไปไหมมาไหนได้ทันที จะหยับจับอะไรก็ง่าย สะดวกในการทำงาน